พาทัวร์ 7 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกปี 2025 อยู่ประเทศอะไรบ้าง มาดูกัน!
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาพาทุกคนทัวร์ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกตามการจัดอันดับโดย Times Higher Education ปี 2025 กันค่ะ หลายคนคงอยากรู้ว่ามหาลัยดังระดับโลกมีที่ไหนบ้าง และใครที่ใฝ่ฝันจะไปเรียนต่อต่างประเทศ บล็อกนี้จะตอบทุกคำถามให้เลยค่ะ! เรามาดูกันว่า best university ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. University of Oxford
เปิดตัวเจ้าแรกด้วย University of Oxford ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ในปี 2025 นี้ค่ะ มหาลัยแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 900 ปี และเป็นที่รู้จักดีในเรื่องการวิจัยและการสอนที่เป็นเลิศ โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และมนุษยศาสตร์
University of Oxford ตั้งอยู่ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาที่หลากหลายในหลากหลายสาขาวิชา และมีชื่อเสียงในด้านมาตรฐานการศึกษาที่เข้มงวดและผลงานวิจัยที่โดดเด่น ระบบวิทยาลัยของอ็อกซ์ฟอร์ดส่งเสริมและดึงดูดนักวิชาการและนักศึกษาจากทั่วโลก นอกจากเป็นอันดับ 1 ในเรื่องของคุณภาพแล้ว ก็ยังเป็นมหาวิทยาลัยหลักสูตรอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย!
ใครที่ฝันจะไปเรียนที่ Oxford อย่าลืมเตรียมตัวให้ดีๆ นะคะ เพราะการแข่งขันเข้าที่นี่สูงมากเลย!
2. Massachusetts Institute of Technology
ต่อมาเป็น MIT ที่ถือว่าเป็นตัวอย่างของมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ดีที่สุด เลยค่ะ โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ ถ้าใครชอบคิดค้น ชอบนวัตกรรม MIT คือสวรรค์เลยค่ะ!
MIT ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย นักศึกษาที่นี่จะได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และมีโอกาสเข้าถึงห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผลิตผู้ประกอบการและนักประดิษฐ์ชื่อดังมากมาย รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่งอีกด้วย!
3. Harvard University
Harvard University ใครไม่รู้จักบ้างคะ! มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จักทั่วโลกในด้านการศึกษา การวิจัย และการผลิตผู้นำระดับโลก คณะการแพทย์ คณะกฎหมาย และคณะบริหารธุรกิจที่นี่มีชื่อเสียงมากๆ ค่ะ
Harvard ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1636 มีห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัยและเป็นห้องสมุดวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักศึกษาที่นี่จะได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผลิตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผู้ชนะรางวัลโนเบล และผู้นำระดับโลกมากมายค่ะ!
4. Princeton University
Princeton เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเข้มงวดในการคัดเลือกมากๆ และมีชื่อเสียงในด้านการศึกษาระดับปริญญาตรีค่ะ ตั้งอยู่ในเมืองพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซี่ย์ เป็นสถาบันที่เน้นการเรียนการสอนแบบเข้มข้นและมีอัตราส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษาที่เหมาะสม นักศึกษาที่นี่จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและมีโอกาสทำงานวิจัยร่วมกับอาจารย์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผลิตผู้ชนะรางวัลโนเบลและผู้นำทางการเมืองมากมาย รวมถึง Michelle Obama อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งอเมซอน และ Pete Conrad นักบินอวกาศที่ได้เดินบนดวงจันทร์ในภารกิจ Apollo 12
5. University of Cambridge
Cambridge เป็นคู่แข่งสำคัญของ Oxford และมีความโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และมีระบบวิทยาลัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างแท้จริง นักศึกษาที่นี่จะได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่งดงาม เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมคลาสสิกและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ยังเป็นบ้านของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกอย่าง สตีเฟน ฮอว์กิง และ ไอแซค นิวตัน อีกด้วย
ที่นี่ให้ความสำคัญกับการสร้าง “ปัญญาชุมชน” อย่างแท้จริง ภายในมหาวิทยาลัยมีห้องสมุดมากกว่า 100 แห่ง และมีหนังสือรวมกันมากกว่า 15 ล้านเล่ม เลยทีเดียว!
6. Stanford University
Stanford ตั้งอยู่ใจกลาง หุบเขาซิลิคอน เลย! ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการและนักพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก ใครที่ฝันอยากเป็น startup founder บอกเลยว่าที่นี่เหมาะสุด ๆ!! มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในเมืองสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นักศึกษาจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่ทำงานในบริษัทชั้นนำ และมีโอกาสฝึกงานกับบริษัทใหญ่ ๆ ในซิลิคอนแวลลีย์
ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของบริษัทดังระดับโลกอย่าง Google, Yahoo และ Netflix อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในด้านการวิจัยล้ำสมัย นวัตกรรม และความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเฉพาะในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์)
7. California Institute of Technology
Caltech เป็นมหาวิทยาลัยที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือว่าเป็นสถาบันที่เล็กแต่แกร่งมากๆ ค่ะ ตั้งอยู่ในเมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสถาบันที่มีขนาดเล็กแต่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นักศึกษาที่นี่จะได้เรียนรู้ในสัดส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ที่เหมาะสมมาก และมีโอกาสเข้าถึงการวิจัยล้ำสมัย Caltech เป็นที่ตั้งของ NASA’s Jet Propulsion Laboratory และเป็นแหล่งกำเนิดของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญมากมายค่ะ
มหาวิทยาลัยระดับโลกมีที่ไหนบ้าง?
จากการดู 7 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก จะเห็นว่าส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา (5 แห่ง) และสหราชอาณาจักร (2 แห่ง) ค่ะ แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการศึกษาระดับสูงของทั้งสองประเทศจริงๆ
มหาวิทยาลัยจุฬาฯ ติดอันดับโลกหรือไม่?
หลายคนคงสงสัยเรื่องมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยเฉพาะจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกแต่ก็ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
แนะนำวิธีเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
ถ้าอยากไปเรียนต่อใน มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ต้องเริ่มจากตรงไหนดีใช่ไหมคะ? ความจริงแล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ แค่เราวางแผนแต่เนิ่น ๆ และเตรียมตัวให้พร้อมในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหลักสูตรที่ใช่ การรู้ว่ามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องการอะไรจากผู้สมัคร การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และระยะเวลาการสมัคร
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือการมีโปรไฟล์ที่น่าสนใจ มี Portfolio หรือกิจกรรมที่แสดงถึงความน่าสนใจและความสามารถพิเศษ หรือผลงานนอกห้องเรียน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับใบสมัครได้มาก ใครที่ฝันอยากไปเรียนต่างประเทศ อย่าลืมวางแผนให้รอบด้านนะคะ ยิ่งเริ่มต้นเร็ว โอกาสก็ยิ่งมากค่ะ
อยากเรียนฮาร์วาร์ดต้องทำยังไง?
Harvard University เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลก หากใครมีความฝันจะได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในหลายด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องผลการเรียน แต่รวมถึงกิจกรรม ความเป็นผู้นำ และความตั้งใจที่ชัดเจน
Harvard ให้ความสำคัญกับ บุคลิกภาพและแรงบันดาลใจของผู้สมัคร ไม่แพ้ผลการเรียนและคะแนนสอบ เช่น SAT หรือ ACT นอกจากนี้ยังต้องมีคะแนนภาษาอังกฤษ เช่น TOEFL หรือ IELTS หากไม่ได้เรียนในระบบอินเตอร์
จุดเด่นอีกอย่างคือการเขียน Personal Statement ที่ถ่ายทอดตัวตนและแรงจูงใจอย่างจริงใจ หากอยากเข้า Harvard จริง ๆ ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่ระดับมัธยมต้นถึงปลายเลยจะดีที่สุด
วางแผนเรียนต่อระดับโลกตั้งแต่มัธยม
การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลก ต้องใช้เวลาและการเตรียมตัวล่วงหน้าหลายปี ดังนั้นการวางแผนตั้งแต่ยังเรียนมัธยมจะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นและมีโอกาสมากขึ้น
ดังนั้นควรเริ่มจากการหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และเลือกวิชาที่สอดคล้องกับสาขาที่จะเรียนต่อ เช่น ถ้าอยากเรียนวิศวะ ควรเน้นวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หรือถ้าอยากเข้าด้านเศรษฐศาสตร์ ก็อาจต้องมีพื้นฐานด้านคณิตฯ และภาษาอังกฤษที่แข็งแรง
นอกจากนี้ควรหาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม เช่น แข่งขันวิชาการ อาสาสมัคร หรืองานวิจัยเล็ก ๆ เพื่อเสริมประสบการณ์นอกห้องเรียน และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษา การสมัครสอบ และกำหนดเวลาสำคัญไว้ล่วงหน้า
เตรียมตัวสอบ SAT/IELTS เพื่อเข้าเรียนต่อ
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการสมัครเรียนต่างประเทศก็คือ การสอบวัดระดับทั้งในด้านวิชาการและภาษาอังกฤษ เช่น SAT, IELTS, GED หรือ IGCSE นี่แหละค่ะ เพราะหลายมหาวิทยาลัยใช้คะแนนสอบเหล่านี้ในการพิจารณาใบสมัคร โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
SAT จะเน้นทักษะด้านการอ่าน เขียน และคณิตศาสตร์ ส่วน IELTS ก็จะวัดครบทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนค่ะ ถ้าเราวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ก็จะมีเวลาฝึกฝน ทำข้อสอบเก่า และเรียนรู้เทคนิคให้มากขึ้น บางคนอาจเลือกเข้าเรียนคอร์สพิเศษหรือติวออนไลน์เพื่อเสริมความมั่นใจ
อย่าลืมนะคะว่า “ความสม่ำเสมอ” สำคัญมาก ยิ่งฝึกบ่อย ยิ่งเข้าใจรูปแบบข้อสอบและจัดการเวลาได้ดีขึ้นค่ะ ใครที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ถ้าใครยังไม่มั่นใจเรื่องการสอบหรือไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทางเรามีคอร์สเรียนที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ครบทุกสนาม ไม่ว่าจะเป็น SAT, GED, IELTS หรือ IGCSE ก็สามารถเรียนกับเราได้เลยค่ะ ติดต่อขอคำปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศได้ที่ Line: @theadvisor เลยจ้ะ