MCAT คืออะไร เตรียมสอบยังไง ใช้ยื่นอะไรได้บ้าง
เชื่อว่าน้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบหมอ คงไม่มีใครไม่รู้จัก MCAT ใช่ไหมล่ะคะ แต่ถึงจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง น้อง ๆ รู้ไหมว่า การสอบ MCAT คืออะไรกันแน่ ทำไมถึงสำคัญสำหรับคนที่อยากเรียนหมอ แล้วต้องเตรียมตัวยังไงถึงจะสอบผ่านฉลุย วันนี้พี่ The Advisor สรุปเกี่ยวกับข้อสอบ MCAT มาให้แบบไม่มีกั๊ก ถ้าพร้อมที่จะพิชิต MCAT แล้ว ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด!
MCAT คืออะไร
MCAT หรือ Medical College Admission Test เป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาแพทย์ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา รวมถึงหลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็มีรับคะแนน MCAT เช่นกัน ซึ่งการสอบ MCAT นี้ถือเป็นด่านสำคัญที่จะทดสอบความพร้อมของผู้ที่ต้องการเป็นแพทย์ทั้งด้านความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน การคิดวิเคราะห์ และทักษะการแก้ปัญหา ซึ่งจำเป็นสำหรับอาชีพแพทย์ในอนาคตค่ะ
รูปแบบของข้อสอบ MCAT
การสอบ MCAT นั้นมีความพิเศษที่แตกต่างจากการสอบทั่วไป เพราะนอกจากจะวัดความรู้แล้ว ยังวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ด้วยค่ะ มาดูกันว่าข้อสอบ MCAT มีอะไรบ้าง
Biological and Biochemical Foundations of Living Systems
มีจำนวน 59 ข้อ เวลาสอบ 95 นาที คะแนนเต็ม 132 คะแนน พาร์ทนี้จะเน้นความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ทั้งในด้านชีววิทยาและชีวเคมี ใครถนัดวิชาชีวะ พาร์ทนี้น่าจะสบาย ๆ เลยค่ะ
สัดส่วนข้อสอบเนื้อหา Biological and Biochemical Foundations of Living Systems
- 65% Introductory biology
- 25% First-semester biochemistry
- 5% General chemistry
- 5% Organic chemistry
Chemical and Physical Foundations of Biological Systems
มีจำนวน 59 ข้อ เวลาสอบ 95 นาที คะแนนเต็ม 132 คะแนน พาร์ทนี้จะเจาะลึกไปที่พื้นฐานทางเคมีและฟิสิกส์ น้อง ๆ จะเจอเนื้อหาเกี่ยวกับเคมีอินทรีย์ เคมีอนินทรีย์ ตารางธาตุ และฟิสิกส์ระดับมหาลัยปี 1-2
สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Chemical and Physical Foundations of Biological Systems
- 30% General chemistry
- 25% First-semester biochemistry
- 25% Introductory physics
- 15% Organic chemistry
- 5% Introductory biology
Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior
มีจำนวน 59 ข้อ เวลาสอบ 95 นาที คะแนนเต็ม 132 คะแนน พาร์ทนี้จะทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ ทั้งในมุมมองของจิตวิทยา สังคมวิทยา และชีววิทยาที่มีผลต่อพฤติกรรมทางการแพทย์ ใครชอบวิชาสังคมและจิตวิทยา พาร์ทนี้น่าจะถูกใจเลยค่ะ
สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior
- 65% Introductory physics
- 30% Introductory sociology
- 5% Introductory biology
Critical Analysis and Reasoning Skills
มีจำนวน 53 ข้อ เวลาสอบ 90 นาที คะแนนเต็ม 132 คะแนน เน้นการอ่าน วิเคราะห์ และให้เหตุผล โดยใช้บทความจากหลากหลายสาขา โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับปัญหาทางสังคม
สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Critical Analysis and Reasoning Skills
- 50% Humanities
- 50% Social sciences
MCAT, BMAT, UCAT ต่างกันยังไง
น้อง ๆ หลายคนอาจสับสนระหว่างการสอบเข้าแพทย์แบบต่าง ๆ พี่ขอสรุปความแตกต่างให้เข้าใจง่าย ๆ นะคะ
- MCAT เป็นข้อสอบมาตรฐานสำหรับเข้าเรียนแพทย์ในอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา เน้นความรู้วิทยาศาสตร์เข้มข้น และทักษะการคิดวิเคราะห์
- BMAT ใช้สำหรับสมัครเรียนแพทย์ในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป เน้นทดสอบการคิดวิเคราะห์และการเขียนเรียงความ
- UCAT เป็นข้อสอบวัดศักยภาพการเรียนแพทย์ที่ใช้ในอังกฤษและออสเตรเลีย เน้นทดสอบทักษะการตัดสินใจและการแก้ปัญหา
โดยหัวข้อที่ออกข้อสอบจะแตกต่างกันดังตารางนี้เลยค่ะ
MCAT | BMAT | UCAT |
– | Problem Solving (16 คำถาม) | Quantitative Reasoning (36 คำถาม) |
Abstract Reasoning (50 คำถาม) | ||
Critical Analysis and Reasoning Skills (53 คำถาม) | Critical Thinking (16 คำถาม) | Verbal Reasoning (44 คำถาม) |
Biological and Biochemical Foundations of Living Systems (59 คำถาม) | Biology (7 คำถาม) |
|
Chemical and Physical Foundations of Biological Systems (59 คำถาม) | Chemistry (7 คำถาม) | – |
Physics (7 คำถาม) | – | |
– | Maths (6 คำถาม) | – |
Psychological , Social and Biological Foundations of Behavior 59 คำถาม)
| Writing (1 Essay)
| Decision Making (29 คำถาม) |
Situational Judgement (66 คำถาม) |
คะแนนสอบ MCAT เต็มเท่าไร
คะแนนสอบ MCAT แต่ละพาร์ทจะมีคะแนนเต็ม 132 คะแนน โดยแต่ละพาร์ทจะมีคะแนนต่ำสุดที่ 118 คะแนน และสูงสุดที่ 132 คะแนน รวม 4 พาร์ทจะอยู่ที่ 472-528 คะแนน น้อง ๆ คนไหนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัย Top Tier แนะนำให้ทำคะแนน MCAT ให้สูง ๆ ไว้นะคะ ยิ่งได้คะแนนสูง โอกาสการได้รับคัดเลือกก็จะยิ่งมากขึ้นค่ะ
MCAT ใช้ยื่นอะไรได้บ้าง
- คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต ภาคบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ)
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โครงการผู้มีความสามารถพิเศษทางวิชาการและภาษาอังกฤษทั่วประเทศ (MDX)
- คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรอินเตอร์ (MIDS)
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU)
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการช้างเผือก
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต (สำหรับกลุ่มผู้สมัครด้วยแฟ้มผลงาน Portfolio)
สอบ MCAT ที่ไหน
น้อง ๆ สามารถสอบ MCAT ได้ที่ Pearson Professional Center (สุขุมวิท 21) อาคาร BB Building ชั้น 10 โดยต้องสมัครสอบที่เว็บไซต์ AAMC สร้าง AAMC Account สมัครสอบ เลือกวันที่และสถานที่สอบที่ต้องการได้เลย การสอบจัดขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. ตามรายละเอียดนี้
เตรียมสอบ MCAT ยังไงให้คะแนนพุ่ง
การเตรียมตัวสอบ MCAT นั้นต้องวางแผนอย่างรอบคอบค่ะ เพราะเนื้อหาค่อนข้างกว้างและลึก มาดูกันว่าน้อง ๆ ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1. วางแผนเตรียมสอบอย่างน้อย 3 เดือน
น้อง ๆ ควรวางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เริ่มจากการประเมินความรู้พื้นฐานของตัวเองก่อน จากนั้นทำตารางอ่านหนังสือให้ครอบคลุมทุกวิชา แบ่งเวลาให้เหมาะสม โดยเน้นวิชาที่อ่อนมากกว่าวิชาที่ถนัด พี่แนะนำให้แบ่งช่วงเวลาเป็น 3 ส่วน คือ ช่วงทบทวนความรู้ ช่วงทำข้อสอบเก่า และช่วงซ้อมสอบเสมือนจริงค่ะ
2. ฝึกทำข้อสอบ MCAT สม่ำเสมอ
การฝึกทำข้อสอบเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะจะช่วยให้น้อง ๆ คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง และบริหารเวลาในการทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งฝึกทำข้อสอบมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะทำคะแนนได้ดีก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หลังทำข้อสอบทุกครั้ง อย่าลืมทบทวนทั้งข้อที่ถูกและผิด เพื่อเข้าใจจุดอ่อนและพัฒนาตัวเองค่ะ
3. ตั้งเป้าหมายคะแนนให้ชัดเจน
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้น้อง ๆ มีแรงจูงใจในการเตรียมตัวสอบ MCAT มากขึ้นค่ะ ควรตั้งเป้าหมายคะแนนที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ โดยดูจากคะแนนเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัคร แล้วตั้งเป้าให้สูงกว่านั้นเล็กน้อย การมีเป้าหมายจะช่วยให้น้อง ๆ วางแผนการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น และรู้ว่าต้องพัฒนาตัวเองในด้านไหนเพิ่มเติม
4. จัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมตัวสอบ MCAT เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและอาจสร้างความเครียดได้มาก น้อง ๆ ควรดูแลสุขภาพกายและใจให้ดีค่ะ จัดตารางพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหากิจกรรมผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง อย่าลืมว่าการพักที่ดีจะช่วยให้การอ่านหนังสือมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสมองจะจดจำเนื้อหาได้ดีกว่าการอ่านติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่พักค่ะ
5. เข้าร่วมกลุ่มติวและแลกเปลี่ยนความรู้
การเรียนรู้ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกันสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเตรียมตัวสอบ MCAT ได้มากค่ะ น้อง ๆ ควรหากลุ่มติวหรือชุมชนออนไลน์ที่แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการสอบ MCAT การได้อธิบายเนื้อหาให้เพื่อนฟังจะช่วยให้เข้าใจบทเรียนลึกซึ้งขึ้น และการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของรุ่นพี่จะช่วยให้น้อง ๆ เตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
การสอบ MCAT เป็นก้าวสำคัญสำหรับน้อง ๆ ที่ฝันอยากเป็นหมอ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้น้อง ๆ ทำคะแนนได้ตามเป้าหมาย แต่นอกจากคะแนน MCAT แล้ว การเรียนต่อคณะแพทยศาสตร์ ยังต้องเตรียมคะแนนภาษาอังกฤษอื่น ๆ เช่น IELTS CU-TEP TOEIC หรือ TOEFL ด้วยนะคะ ถ้าใครอยากเตรียมความพร้อมแบบจัดเต็ม The Advisor Academy มีคอร์สเรียน IELTS ที่จะช่วยเตรียมความพร้อมด้านภาษาให้กับน้อง ๆ สอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญ เรียนสนุก เทคนิคเพียบ การันตีคะแนนดี สนใจคอร์สเรียนติดต่อ The Advisor ได้เลย!