รู้จักการสอบ TOEIC คืออะไร สอบอะไรบ้าง

TOEIC คืออะไร

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ปัจจุบันคะแนน TOEIC เปรียบเสมือนใบเบิกทางในการสมัครงานสำหรับน้อง ๆ จบใหม่ หรือแม้แต่การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเอง บางคณะก็มีการกำหนดคะแนน TOEIC ด้วยเช่นกัน พี่ ๆ The Advisor จึงขออาสาพาน้อง ๆ ไปทำความเข้าใจการสอบ TOEIC ให้มากขึ้น TOEIC คืออะไร สมัครสอบ TOEIC ยังไง สอบอะไรบ้าง ค่าสอบกี่บาท ตอบทุกข้อสงสัยแบบไม่มีกั๊กในบทความนี้

TOEIC คืออะไร?

TOEIC หรือ Test of English for International Communication คือ การทดสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับทั่วไป เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้คะแนน TOEIC มักเป็นหนึ่งในสิ่งที่มหาวิทยาลัยหรือบริษัทชั้นนำใช้พิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าเรียนต่อหรือทำงาน

TOEIC สอบอะไรบ้าง?

สอบ TOEICE

เมื่อพูดถึงการสอบ TOEIC น้อง ๆ ส่วนใหญ่จะนึกถึงข้อสอบ Listening ที่ให้ดูรูปภาพ ให้ฟังคนคุยกัน หรือข้อสอบ Reading ที่ให้อ่านบทความต่าง ๆ แล้วตอบคำถาม แต่ TOEIC ไม่ได้มีแค่ Listening & Reading เท่านั้นนะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว TOEIC มี 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

1. TOEIC LISTENING & READING

ข้อสอบทดสอบการฟังและการอ่าน มีทั้งหมด 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Listening Comprehension (การฟัง) และ Reading Comprehension (การอ่าน)

TOEIC LISTENING COMPREHENSION (การฟัง)

มีทั้งหมด 100 ข้อ 495 คะแนน 45 นาที แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

  • Photographs ให้ดูภาพและฟังเสียง
  • Question-Response ให้ฟังเสียง โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำถาม และมีตัวเลือกให้เราฟังต่อ
  • Short Conversation ฟังบทสนทนา (ผู้พูด 2-3 คน)
  • Short Talks ฟังบทพูด (ผู้พูดคนเดียว)

TOEIC READING COMPREHENSION (การอ่าน)

มีทั้งหมด 100 ข้อ 495 คะแนน 75 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  • Incomplete Sentence เติมคำลงในประโยค
  • Text Completion เติมคำหรือประโยคลงในเนื้อเรื่อง
  • Reading Comprehension อ่านจับใจความบทความแล้วตอบคำถาม

2. TOEIC SPEAKING & WRITING

ข้อสอบทดสอบการพูดและการเขียน คะแนนเต็ม 400 คะแนน เป็นรูปแบบที่น้อง ๆ หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่ข้อสอบ TOEIC รูปแบบนี้จำเป็นมาก หากต้องการสมัครงานกับหน่วยงานที่ต้องติดต่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ

TOEIC SPEAKING

แบ่งออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่

  • Read a text aloud สอบอ่านออกเสียงบทความ
  • Describe a picture บรรยายภาพเป็นภาษาอังกฤษ
  • Respond to questions ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ
  • Respond to questions by using information provided ตอบคำถามจากข้อมูลที่ให้มา อาจจะเป็นกราฟ ตารางงาน หรือรายละเอียดบางอย่าง
  • Propose a solution พูดเสนอแนวทางแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่โจทย์กำหนด
  • Express an opinion พูดแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อที่กำหนดมาให้

TOEIC WRITING

แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  • Write a sentence based on a picture เขียนประโยคบรรยายภาพ โดยจะกำหนดคำบังคับที่ต้องมีในประโยคดังกล่าวด้วย
  • Respond to a written request เขียนตอบ e-mail 
  • Write an opinion เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น

คะแนน TOEIC เต็มเท่าไร แบบไหนเรียกว่าดี?

คะแนน TOEIC
    1. คะแนน TOEIC Listening & Reading เต็ม 990 คะแนน โดยคะแนน TOEIC ที่องค์กรส่วนใหญ่ต้องการจะอยู่ที่ 550-700 คะแนน ทั้งนี้คะแนนแต่ละระดับสามารถบ่งบอกทักษะภาษาอังกฤษของเราได้ ดังนี้
    • คะแนน 905 – 990: Professional Proficiency สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์
    • คะแนน 785 – 900: Advanced Working Proficiency สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพบ่อยครั้ง แต่ยังไม่ครอบคลุมในทุกสถานการณ์
    • คะแนน 605 – 780: Basic Working Proficiency สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารทั่วไปได้ แต่ยังสื่อสารเกี่ยวกับการทำงานได้อย่างจำกัด
    • คะแนน 405 – 600: Intermediate สามารถเริ่มบทสนทนา สื่อสารแบบต่อหน้าในเรื่องทั่วไปได้
    • คะแนน 255 – 400: Elementary สามารถสื่อสารแบบต่อหน้าได้อย่างจำกัด เฉพาะเรื่องที่มีความคุ้นเคย ไม่ซับซ้อน
    • คะแนน 10 – 250: Novice สื่อสารได้แค่ระดับพอเข้าใจ ใช้ภาษาเพื่อเอาตัวรอดได้เท่าที่จำเป็น
    2. TOEIC Speaking & Writing เต็ม 400 คะแนน โดยคะแนนที่ผ่านเกณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 250 คะแนน

คะแนน TOEIC ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

ส่วนใหญ่จะนิยมใช้คะแนน TOEIC ในการยื่นสมัครงาน รวมทั้งสามารถใช้คะแนน TOEIC ปรับฐานเงินเดือน หรือที่เราเรียกกันกว่าค่าภาษานั่นเอง

สมัครงานใช้คะแนน TOEIC เท่าไร?

องค์กรส่วนใหญ่มักกำหนดคะแนน TOEIC ที่ต้องการอยู่ที่ 550-700 คะแนน แต่ถ้าองค์กรไหนมีการใช้ภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น คะแนน TOEIC ที่ต้องการก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ

คะแนน TOEIC มีอายุกี่ปี?

คะแนน TOEIC มีอายุหลังจากวันประกาศผลออกมาเพียง 2 ปี

ค่าสมัครสอบ TOEIC กี่บาท?

ค่าสอบ TOEIC 2024 อยู่ที่ 1,800 บาท

สอบ TOEIC ที่ไหน?

ศูนย์สอบ TOEIC ทั้งหมด 2 ที่ด้วยกัน คือ

  • ศูนย์สอบกรุงเทพฯ อาคาร BB Building (Bangkok Business Building) ชั้นที่ 19 ห้อง 1907 ถนนอโศกมนตรี ซอยสุขุมวิท 21 กรุงเทพ 10110
  • ศูนย์สอบเชียงใหม่ อาคารนวรัตน์ ชั้นที่ 3 ถนนแก้วรัตน์ ซอย 3 เชียงใหม่ 50000

วิธีการเดินทางไปยังศูนย์สอบ TOEIC กรุงเทพฯ

สามารถเดินทางไปที่อาคาร BB Building ได้หลายวิธี ดังนี้

  • รถยนต์ส่วนตัว : สามารถจอดรถได้ภายในอาคาร B.B. Building
  • รถโดยสารประจำทาง : สาย 38, 98, 136, 185
  • เรือ : ลงท่าเรืออโศก
  • รถไฟฟ้า BTS: ลงสถานี อโศก (ออกประตูทางออกที่ 3)
  • รถไฟใต้ดิน MRT: ลงสถานี เพชรบุรี (ออกทางออกที่ 2) หรือสถานีสุขุมวิท (ออกทางออกที่ 3)

หมายเหตุ : ถ้าน้อง ๆ เดินทางด้วย BTS หรือ MRT สามารถเดินต่อไปยังอาคาร BB Building ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรือต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ราคาอยู่ที่ประมาณ 15-20 บาท

หลักฐานที่จะต้องนำไปแสดงในวันสอบ

น้อง ๆ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางฉบับจริงที่มีสภาพสมบูรณ์ และยังไม่หมดอายุ มาแสดงต่อกรรมการคุมสอบก่อนเข้าห้องสอบ 

หลักฐานที่ต้องนำมาแสดงในวันรับผลสอบ

รับผลสอบ TOEIC ด้วยตนเอง

  • ใบลงทะเบียนสอบ TOEIC ตัวจริง
  • บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบอนุญาตขับขี่ของไทย หรือหนังสือเดินทาง ของผู้สอบ

รับผลสอบ TOEIC ด้วยบุคคลอื่น

  • ใบลงทะเบียนสอบ TOEIC ตัวจริง ของผู้สอบ
  • บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบอนุญาตขับขี่ของไทย หรือหนังสือเดินทาง ของผู้สอบ
  • บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบอนุญาตขับขี่ของไทย หรือหนังสือเดินทาง ของผู้รับผลสอบแทน

เตรียมตัวสอบ TOEIC ยังไงดี?

หากน้อง ๆ มีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้ว สามารถฟัง พูด อ่านจับใจความได้โดยไม่ติดขัด พี่แนะนำให้ทบทวนเรื่อง Grammar ให้แม่น ๆ ท่องศัพท์บ่อย ๆ รวมทั้งฝึกทำข้อสอบเพื่อให้คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนไม่มีพื้นฐานเลย ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน พี่แนะนำให้ลองมองหาคอร์สติวเพิ่มเติม เพื่อเรียนรู้เทคนิคจากผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถจับจุดข้อสอบได้ดีขึ้น

 

หากน้อง ๆ คนไหนกำลังมองหาคอร์สติวหลักสูตรอินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น GED, IGCSE, IELTS, SAT ที่ The Advisor Academy มีคอร์สเรียนที่น้อง ๆ จะได้เรียนกับครูที่มีประสบการณ์สอนโดยตรง และมีความเชี่ยวชาญในข้อสอบหลักสูตรอินเตอร์โดยเฉพาะ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือไม่เคยเรียนหลักสูตรอเมริกันมาก่อน พี่ ๆ ก็พร้อมปูพื้นฐานและติวเข้มจนน้อง ๆ สอบผ่าน สนใจคอร์สเรียนติดต่อ The Advisor ได้เลยนะคะ