ตอบข้อสงสัย CU-TEP คืออะไร สอบอะไรบ้าง

CU-TEP คืออะไร
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

น้อง ๆ คนไหนอยากเข้าจุฬาฟังทางนี้ วันนี้พี่ ๆ The Advisor รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ CU-TEP ไม่ว่าจะเป็น CU-TEP คืออะไร สอบอะไรบ้าง สมัครสอบยังไง ใครที่มีข้อสงสัยเหล่านี้อยู่ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ

CU-TEP คืออะไร?

CU-TEP (Chulalongkorn University Test of English Proficiency) คือ ข้อสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้งด้านการฟัง การอ่าน และการเขียน เพื่อประเมินความพร้อมในการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา จัดสอบโดยสถาบันภาษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

CU-TEP & Speaking คืออะไร?

CU-TEP & Speaking คือ การเพิ่มการสอบ Speaking เข้าไปกับการสอบ CU-TEP เพื่อวัดผลด้านทักษะการพูด ซึ่งจะมีคะแนนเต็มเพิ่มจาก 120 เป็น 150 คะแนน น้อง ๆ ที่ต้องการสอบ CU-TEP Speaking ต้องสมัครพร้อมการสอบ CU-TEP ปกติ ซึ่งจะมีการจัดสอบในวันเดียวกัน ก็คือ สอบ CU-TEP ปกติในช่วงเช้า และสอบ CU-TEP Speaking ในช่วงบ่ายนั่นเองค่ะ

CU-TEP & Speaking ไม่ได้บังคับสอบ ขึ้นอยู่กับบางคณะของจุฬาฯ ที่ใช้คะแนนส่วนนี้ ได้แก่ BBA, EBA, แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์

CU-TEP E-Testing คืออะไร?

CU-TEP E-Testing คือ การสอบ CU-TEP กับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งชุดข้อสอบ เรื่องที่ออกสอบ ระดับความยากของข้อสอบ เหมือนกันกับ Paper-based 100% ตรงนี้หมดห่วงได้เลยค่ะ เพียงแต่ว่า E-Testing จะรู้ผลคะแนนทันทีที่สอบเสร็จ เหมาะกับคนที่จำเป็นต้องใช้คะแนนแบบเร่งด่วน แต่ก็มีค่าสมัครสอบที่สูงกว่าการสอบรอบปกติเกือบเท่าตัว

CU-TEP & Speaking ไม่ได้บังคับสอบ ขึ้นอยู่กับบางคณะของจุฬาฯ ที่ใช้คะแนนส่วนนี้ ได้แก่ BBA, EBA, แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์

CU-TEP สอบอะไรบ้าง?

CU-TEP สอบอะไรบ้าง

ข้อสอบ CU-TEP จะมีอยู่ 3 พาร์ทหลัก ได้แก่ Listening, Reading และ Writing รวม 120 ข้อ 120 คะแนน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที

1. CU-TEP พาร์ท LISTENING

CU-TEP พาร์ท Listening เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ 30 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที นั่นหมายความว่าน้อง ๆ จะมีเวลาเพียง 1 นาทีต่อ 1 ข้อเท่านั้น ซึ่งข้อสอบจะเปิดต่อเนื่องรอบเดียว น้อง ๆ ต้องตั้งสติ โฟกัสให้ได้มากที่สุดนะคะ เพราะหลุดแล้วหลุดเลย! โดยข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  • Short Dialogues 15 ข้อ เป็นส่วนเก็บคะแนนเลยค่ะ เพราะข้อสอบเป็นบทสนทนานระหว่างคน 2 คนสั้น ๆ ไม่ซับซ้อน
  • Long Dialogues 9 ข้อ เป็นบทสนทนาที่ยาวขึ้นมาอีก มีการโต้ตอบกันที่ซับซ้อนมากขึ้น น้อง ๆ ต้องตั้งสติและจับประเด็นให้ไว
  • Talks 6 ข้อ เป็นบทพูดเดี่ยว อาจเป็นบทพูดเชิงบรรยาย สุนทรพจน์ หรือบทโฆษณา จำนวน 2 บทพูด ส่วนนี้จะยากที่สุด แนะนำให้น้อง ๆ จดข้อมูลหรือคีย์เวิร์ดลงในกระดาษไว้กันพลาด

2. CU-TEP พาร์ท READING

CU-TEP พาร์ท Reading เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ มีทั้งหมด 60 ข้อ ใช้เวลา 70 นาที ซึ่งเนื้อเรื่องที่มักนำมาออกข้อสอบ CU-TEP จะมีทั้งเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ หรือการท่องเที่ยว เป็นต้น โดยข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  • Cloze Test 15 ข้อ โดยข้อสอบจะมีเนื้อเรื่องมาให้ 1 เรื่อง และเว้นช่องว่าง 15 ช่อง ให้เราเลือกคำตอบมาเติมเพื่อให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ เป็นส่วนที่วัด Vocabulary และ Grammar แบบเน้น ๆ เลยค่ะ
  • Short Passage 5 ข้อ มีเนื้อเรื่องมาให้ 1 เรื่อง ความยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษ A4 เป็นส่วนที่วัดทักษะการอ่านจับใจความ แนะนำให้น้อง ๆ พยายามหาคีย์เวิร์ดในเนื้อเรื่อง และหา Main Idea ให้เจอ จะช่วยให้ตอบคำถามได้ง่ายขึ้นค่ะ
  • Long Passage 40 ข้อ มีเนื้อเรื่องมาให้ 4 เรื่อง ความยาวประมาณ 1-2 หน้ากระดาษ A4 โดยข้อสอบมักถามถึงใจความสำคัญ วัตถุประสงค์ หรือรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อเช็กความเข้าใจของผู้อ่าน แนะนำให้น้อง ๆ ฝึกทำข้อสอบเยอะ ๆ จะทำให้เรารู้แนวของคำถาม และสามารถจับประเด็นได้ดีขึ้นค่ะ

3. CU-TEP พาร์ท WRITING

CU-TEP พาร์ท Writing มีทั้งหมด 30 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที เท่ากับว่าน้อง ๆ จะมีเวลาเพียง 1 นาทีต่อ 1 ข้อเช่นเดียวกับพาร์ท Listening โดยรูปแบบข้อสอบจะเป็นแนว Error Identification นั่นก็คือการหาจุดผิดเชิงไวยากรณ์และโครงสร้างในประโยค ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทที่เน้น Grammar มากที่สุด

CU-TEP & Speaking สอบอะไรบ้าง?

CU-TEP & Speaking จะสอบ 3 พาร์ทหลักข้างต้น (Listening, Reading, Writing) และเพิ่มพาร์ท Speaking เข้ามาอีก 3 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน เวลา 15 นาที ทำให้จากเดิม CU-TEP มี 120 ข้อ 120 คะแนน กลายเป็น 123 ข้อ 150 คะแนน

พาร์ท Speaking เป็นการบันทึกเสียงลงคอมพิวเตอร์ ไม่ได้พูดกับคนจริง ๆ นะคะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

  • Picture Description (บรรยายภาพ) 1 ข้อ จะมีภาพจำนวน 6 ภาพให้ดู และให้พูดอธิบายถึงความเชื่อมโยงของภาพที่เห็น ในเวลา 2 นาที 10 คะแนน โดยไม่จำเป็นต้องพูดเรียงจากรูปที่ 1 ไปถึงรูปสุดท้าย
  • Answer the Question (ตอบคำถาม) 1 ข้อ จะเป็นการตอบคำถามที่เชื่อมโยงกับภาพที่เห็นในข้อ 1 ในเวลา 2 นาที 10 คะแนน ส่วนนี้จะเป็นคำถามปลายเปิด น้อง ๆ สามารถเลือกตอบได้ตามความคิดเห็นของตัวเอง จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ค่ะ
  • Summary (สรุปความ) 1 ข้อ จะมีภาพและวิดีโอให้ดูและฟัง ประมาณ 2-3 นาที โดยสามารถจดโน๊ตได้ และมีเวลาให้เตรียมตัว 45 วินาทีก่อนเริ่มพูด โดยเป็นการพูดสรุปจากสิ่งที่ได้ดูและฟัง ในเวลา 2 นาที 10 คะแนน

คะแนน CU-TEP ใช้ทำอะไร?

คะแนน CU-TEP ใช้ทำอะไร

คะแนน CU-TEP ใช้ยื่นศึกษาต่อคณะอินเตอร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นอักษรศาสตร์ แพทยศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี เป็นต้น รวมทั้งใช้ยื่นเข้าศึกษาต่อปริญญาโทและเอกของจุฬาฯ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบางมหาวิทยาลัยที่ใช้คะแนน CU-TEP ในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อเช่นกัน ดังนั้นน้อง ๆ ต้องตรวจสอบ Requirement แต่ละมหาวิทยาลัยให้ครบถ้วนอีกครั้งนะคะ

คะแนน CU-TEP มีอายุกี่ปี?

คะแนน CU-TEP มีอายุ 2 ปี

คะแนน CU-TEP ควรได้เท่าไร?

มาถึงสิ่งที่น้อง ๆ หลายคนคงอยากรู้มากที่สุดว่าคะแนน CU-TEP ควรได้เท่าไร ต้องได้กี่คะแนนจึงจะเพียงพอ คำตอบ คือ ไม่มีเกณฑ์ตายตัวค่ะ เพราะแต่ละคณะย่อมกำหนดขั้นต่ำของคะแนนไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 45 คะแนนไปจนถึง 110 คะแนนเลยทีเดียว แนะนำให้น้อง ๆ ยึดตามเกณฑ์ที่คณะกำหนดได้เลย

วิธีสมัครสอบ CU-TEP

สามารถสมัครสอบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของศูนย์ทดสอบทางวิชาการจุฬาฯ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. สมัครสมาชิกที่เว็บไซต์ https://register.atc.chula.ac.th/
  2. เลือกเมนูสมัครสอบ CU-TEP 
  3. เลือกรอบการสอบที่ต้องการ
  4. พิมพ์ใบชำระเงินและชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด
  5. อย่าลืมตรวจสอบสถานะการชำระเงิน และสถานที่สอบในระบบก่อนวันสอบด้วยนะคะ

หลักฐานที่จะต้องนำไปแสดงในวันสอบ

น้อง ๆ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางฉบับจริงที่มีสภาพสมบูรณ์ และยังไม่หมดอายุ มาแสดงต่อกรรมการคุมสอบก่อนเข้าห้องสอบ โดยหลักฐานที่นำมาแสดงต้องมีข้อมูลตรงกับข้อมูลที่ใช้ในการสมัครสอบทั้งหมดค่ะ

หวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ CU-TEP ที่พี่รวบรวมมาฝากจะช่วยตอบข้อสงสัยของน้อง ๆ ได้แบบหมดเปลือก ใครใฝ่ฝันอยากเข้ารั้วจุฬาฯ อย่าลืมเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ และสุดท้ายนี้พี่ The Advisor ขอให้น้อง ๆ ทุกคนเข้าคณะในฝันได้สำเร็จค่ะ


หากน้อง ๆ คนไหนกำลังมองหาคอร์สติวหลักสูตรอินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น GED, IGCSE, IELTS, SAT ที่ The Advisor Academy มีคอร์สเรียนที่น้อง ๆ จะได้เรียนกับครูที่มีประสบการณ์สอนโดยตรง และมีความเชี่ยวชาญในข้อสอบหลักสูตรอินเตอร์โดยเฉพาะ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือไม่เคยเรียนหลักสูตรอเมริกันมาก่อน พี่ ๆ ก็พร้อมปูพื้นฐานและติวเข้มจนน้อง ๆ สอบผ่าน สนใจคอร์สเรียนติดต่อ The Advisor ได้เลยนะคะ