ไขข้อสงสัย สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS, TOEFL, TOEIC ต่างกันยังไง

สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS, TOEFL, TOEIC ต่างกันยังไง

น้อง ๆ หลายคนคงเคยได้ยินการสอบภาษาอังกฤษ IELTS, TOEFL และ TOEIC กันมาบ้างแล้ว ซึ่งการสอบวัดระดับทางภาษาทั้งมีความสำคัญต่อการเรียนต่อต่างประเทศ การย้ายประเทศ และตำแหน่งงานมาก สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งรู้จักการสอบทั้งสามตัวนี้ หรือน้อง ๆ ที่ยังไม่รู้ความแตกต่างของการสอบเหล่านี้มาก่อน วันนี้พี่ Advisor จะมาช่วยน้อง ๆ ไขข้อสงสัยเองว่าการสอบทั้งสามแบบคืออะไร และนำไปยื่นอะไรได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลยค่ะ

การสอบวัดระดับภาษา IELTS, TOEFL, TOEIC คืออะไร

 

การสอบวัดระดับภาษา IELTS, TOEFL, TOEIC คืออะไร

 

IELTS, TOEFL, TOEIC คือการทดสอบระดับภาษาอังกฤษที่น้อง ๆ สามารถใช้ยื่นเข้าคณะเรียนที่ต้องการ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ รวมไปถึงใช้ยื่นเข้าทำงาน เลื่อนตำแหน่ง ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การสอบทั้งสามแบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

IELTS คือ

 

IELTS คือ

 

International English Language Testing System หรือ  IELTS คือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุด น้อง ๆ สามารถนำผลคะแนนไปใช้ได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเพื่อการศึกษาต่อ การทำงาน หรือการย้ายไปอยู่ต่างประเทศถาวร ประกอบด้วยการสอบ 4 พาร์ท คือ IELTS Listening, IELTS Speaking, IELTS Reading, IELTS Writing ซึ่งมีคะแนนเต็ม 9.0 (ถ่วงเฉลี่ยกันทั้ง 4 ทักษะ)

การสอบ IELTS มี 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

    • IELTS Life Skills (A1 และ B1): 
      • A1 เป็นการสอบที่เหมาะกับน้อง ๆ ที่ต้องการผลทดสอบทักษะการพูดและการฟังเพื่อใช้ยื่นวีซ่าคู่หมั้น คู่สมรส หรือครอบครัวในสหราชอาณาจักร
      • B1 เป็นการสอบที่เหมาะกับน้อง ๆ ที่ต้องการผลทดสอบทักษะการพูดและการฟังเพื่อใช้ยื่นวีซ่าพลเมืองในสหราชอาณาจักร
    • IELTS Regular เชิงวิชาการ และ เชิงฝึกอบรมทั่วไป: เป็นการสอบทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ที่สามารถนำไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก ยื่นงาน รวมไปถึงการย้ายถิ่นไปต่างประเทศด้วย
    • IELTS for UKVI เชิงวิชาการ และ เชิงฝึกอบรมทั่วไป: เป็นการสอบที่ข้อสอบเหมือนกับ IELTS Regular เลยค่ะ แต่ต่างกันที่ IELTS for UKVI มีไว้สำหรับน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะศึกษา หรือย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรโดยเฉพาะ เพราะในใบรายงานผลการสอบ จะมีการรับรองจากกระทรวงมหาดไทยแห่งสหราชอาณาจักรให้เป็นที่เรียบร้อยค่ะ

 

การสอบ IELTS สามารถสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ก็ได้โดยมีความแตกต่างดังนี้

  • การสอบแบบกระดาษ: ทำข้อสอบทักษะการฟัง อ่าน เขียนบนกระดาษ และสอบทักษะการพูดกับ Examiner แบบตัวต่อตัว
  • การสอบแบบคอมพิวเตอร์: ทำข้อสอบทักษะการฟัง อ่าน และเขียนกับคอมพิวเตอร์ แต่ยังคงสอบทักษะการพูดกับ Examiner แบบตัวต่อตัวเช่นกัน ไม่มีการสอบพูดกับคอมพิวเตอร์ค่ะ

 

การสอบกับคอมพิวเตอร์มีข้อดีคือ สามารถได้รับผลสอบภายใน 5 วัน ซึ่งรวดเร็วกว่าการสอบแบบกระดาษที่ใช้เวลา 13 วัน นอกจากนี้ ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยเอื้ออำนวยการนับคำให้อัตโนมัติ จึงสะดวกต่อการสอบพาร์ทเขียน น้อง ๆ ไม่ต้องนับคำเอง อย่างไรก็ตาม การเลือกสอบขึ้นอยู่กับว่าน้อง ๆ ถนัดแบบไหนมากกว่า ไม่มีถูกไม่มีผิดค่ะ

 

ผลสอบมีอายุ 2 ปี นับจากวันสอบ

 

TOEFL คือ

 

TOEFL คือ

 

Test of English as a Foreign Language หรือ TOEFL คือ การทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถนำไปใช้ได้ในการศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ได้ ซึ่งการสอบ TOEFL นี้จะมีการวัดความเชี่ยวชาญทั้ง 4 ทักษะ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งการสอบ TOEFL เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเรียนต่อ หรือสมัครงานที่บริษัทเอกชนในสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ 

 

การสอบ TOEFL มี 2 ประเภทหลัก ๆ 

  • TOEFL iBT (Internet-based Test) ใช้สำหรับการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและเป็นผลคะแนนที่ถูกยอมรับทั่วโลก ใช้คอมพิวเตอร์ในการสอบเท่านั้น ไม่มีแบบกระดาษ คะแนนเต็ม 120 คะแนน 
  • TOEFL ITP (Institutional Testing Program) เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษที่สถานันการศึกษาหรือองค์กรต่าง ๆ ที่ซื้อข้อสอบมาจาก Educational Testing Service เพื่อมาจัดสอบเองภายในองค์กร 

 

ผลสอบมีอายุ 2 ปี นับจากวันสอบ

 

TOEIC คือ

Test of English for International Communication หรือ TOEIC คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ฟัง (Listening) และ อ่าน (Reading) มีคะแนนเต็ม 990 คะแนน อย่างไรก็ตาม การสอบ TOEIC ไม่มีกำหนดเกณฑ์คะแนนที่ผ่าน แต่องค์กรส่วนใหญ่จะตั้งเกณฑ์อยู่ที่ 550-600 คะแนนขึ้นไป น้อง ๆ สามารถใช้คะแนน TOEIC ยื่นสมัครงานกับองค์กรต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน สายการบิน หรือการโรงแรม ฯลฯ

 

ผลสอบมีอายุ 2 ปี นับจากวันสอบ

 

IELTS, TOEFL, TOEIC แตกต่างกันอย่างไร

แล้วสรุปว่า IELTS, TOEFL, TOEIC แตกต่างกันอย่างไร? พี่ Advisor ขอสรุปความแตกต่างตามวัตถุประสงค์การใช้งานง่าย ๆ เลยก็คือ TOEFL และ IELTS ใช้ยื่นเรียนต่อต่างประเทศ ย้ายประเทศ ยื่นวีซ่าคู่สมรส คู่หมั้น ในขณะที่คะแนนสอบ TOEIC จะใช้ยื่นสมัครงาน เช่น งานการบิน และ TOEIC ไม่สามารถใช้ในการสมัครเรียนต่อในหลาย ๆ มหาวิทยาลัยในต่างประเทศได้ 

 

สอบ IELTS, TOEFL, TOEIC ได้ที่ไหนบ้าง?

  • IELT: ประเทศไทยมีศูนย์สอบ IELTS 2 แห่ง คือ IELTS IDP Thailand และ British Council ซึ่งกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ
  • TOEFL: มีหลายศูนย์สอบ ไม่ว่าจะเป็น Alist Pro, Paradigm TOEFL ITP Test Center, MJU Language Center, Global Study & Exchange, BEC Center เป็นต้น
  • TOEIC: ศูนย์สอบ อาคาร BB Tower (กรุงเทพมหานคร) และ Center for Profession Assessment (เชียงใหม่) 

 

ควรเลือกสอบอะไรดีระหว่าง IELTS, TOEFL, TOEIC

การที่น้อง ๆ จะตัดสินใจว่าควรเลือกสอบแบบไหน ขึ้นอยู่ที่ว่า น้องๆ จะนำคะแนนสอบต่าง ๆ ไปใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร เช่น ถ้าน้อง ๆ ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อังกฤษ​ หรือย้ายประเทศไปอยู่ประเทศอังกฤษ ก็ควรที่จะสอบ IELTS for UKVI ไว้ หรือถ้าหากน้อง ๆ อยากมีคะแนนเก็บไว้เพื่อหางานในไทยก็สามารถสอบแค่ TOEIC ได้ เป็นต้น

 

ค่าสมัครสอบ IELTS, TOEFL, TOEIC

  • ค่าสมัครสอบของ IELTS คือ 6,300 – 7,350 บาท
    • IELTS Life Skills (A1 และ B1) 6,300 บาท
    • IELTS Regular เชิงวิชาการ และ เชิงฝึกอบรมทั่วไป 7,350 บาท
    • IELTS for UKVI เชิงวิชาการ และ เชิงฝึกอบรมทั่วไป 7,990 บาท
  • ค่าสมัครสอบของ TOEFL คือ 1,800 – 6,000 บาท
    • TOEFL iBT ประมาณ 6,000 บาท
    • TOEFL ITP ประมาณ 1,800 บาท
  • ค่าสมัครสอบของ TOEIC คือ  1,800 บาท

 

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะน้อง ๆ เห็นความแตกต่างกันไปแล้ว ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมคะว่าน้อง ๆ ต้องเตรียมสอบอะไร หรือถ้าน้อง ๆ กำลังหาตัวช่วยอย่างคอร์สเรียนเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสอบวัดระดับโดยเฉพาะ ที่ The Advisor Acadamy มีคอร์สติวสอบ IELTS ให้น้อง ๆ ได้เตรียมตัวกัน ซึ่งคอร์สของเรามีทั้งปูพื้นฐาน เจาะลึกข้อสอบ และเทคนิคในการสอบครบครันกันเลยทีเดียว รับรองว่าน้อง ๆ จะมีทักษะทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนในระยะเวลาอันรวดเร็ว พร้อมลุยสนามสอบอย่างแน่นอนค่ะ