IELTS Reading

รวมเทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Reading

ข้อสอบ IELTS Reading ถือเป็นพาร์ทปราบเซียนที่หลายคนมักโอดครวญว่าทำไม่ทันมานักต่อนัก ดังนั้นใครที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS อยู่ ฟังทางนี้ ในบทความนี้พี่จะมาแชร์เทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Reading เพื่อพิชิตคะแนน IELTS 6.5++ เพราะนอกจากการเตรียมตัวให้ดีแล้ว การมีเทคนิคดี ๆ จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถทำข้อสอบได้รวดเร็ว ถูกต้อง และทันเวลาที่กำหนด

โครงสร้างข้อสอบ IELTS Reading

การสอบ IELTS Reading จะมีเวลา 60 นาทีในการอ่านและตอบ โดยข้อสอบ IELTS พาร์ท Reading จะมีทั้งหมด 40 ข้อ จาก 3 บทความ แต่ละบทความจะมีประมาณ 13-14 ข้อ และมีความยาวประมาณ 800-100 คำ ซึ่งบทความต่าง ๆ อาจมาจากบทความวิชาการ บทความโฆษณา บทความหนังสือพิมพ์ หรือใบปลิว

6 เทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Reading พิชิตคะแนน

เทคนิค IELTS Reading

IELTS Reading มีเวลาให้ 60 นาทีสำหรับอ่านและตอบข้อสอบ 40 ข้อ นั่นหมายความว่าน้อง ๆ จะมีเวลาในการทำข้อสอบแต่ละบทความไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น ฟังดูเหมือนยาก แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะพี่ ๆ มีเทคนิคพิชิตคะแนน IELTS Reading มาฝากกันค่ะ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย

1. อ่านบทความเป็นประจำ

การอ่านบทความภาษาอังกฤษเป็นประจำ ถือเป็นเทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Reading ที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำนวนภาษาอังกฤษ เมื่อลงสนามจริง ๆ จะสามารถอ่านได้เร็วและคล่องแคล่วขึ้น นอกจากนี้การอ่านบทความบ่อย ๆ ยังช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และสำนวนภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งคำศัพท์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำข้อสอบ IELTS ยิ่งรู้ศัพท์มาก เวลาอ่านบทความก็จะเข้าใจได้มากขึ้น

2. ดูคำถามแล้วจึงอ่านหาคำตอบ

เทคนิคการทำ IELTS Reading ให้รวดเร็ว คือ การโฟกัสไปที่คำถามเป็นอันดับแรกว่า ว่าโจทย์ต้องการถามอะไร แล้วจึงเริ่มอ่านบทความ เมื่ออ่านบทความจะช่วยให้เจอคำตอบนั้นเร็วขึ้นและนำมาตอบเลย ไม่ต้องเสียเวลาอ่านบทความย้อนไปมาหลายครั้ง

3. Skimming และ Scanning

การอ่านเร็วเป็นประโยชน์มากสำหรับการสอบ IELTS Reading เทคนิคการอ่านเร็วที่นิยมใช้จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ การอ่านแบบ Skimming และ Scanning 

  • การอ่านแบบ Skimming คือ การอ่านข้อความเร็ว ๆ เป็นจุด ๆ เช่น การอ่าน 2-3 ประโยคแรก แล้วข้ามไปอ่าน 2-3 ประโยคสุดท้ายของทุกย่อหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็บใจความสำคัญ (Main Idea) ของบทความ
  • การอ่านแบบ Scanning คือ การสแกนหาคำสำคัญ โดยอ่านแบบกวาดสายตาคร่าว ๆ เร็ว ๆ เพื่อหาข้อมูลหรือ Keyword ที่น้อง ๆ ต้องการ เช่น ชื่อคน เวลา ตัวเลข สถานที่ เป็นต้น

4. ฝึกเดาคำศัพท์

แม้เราจะท่องศัพท์ไปมากแค่ไหน แต่เมื่อทำข้อสอบจริง น้อง ๆ อาจจะพบกับคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายก็ได้ เพราะคำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีจำนวนมาก ดังนั้นการฝึกเดาคำศัพท์จากบริบท (Context Clues) จึงเป็นเทคนิคเจ๋ง ๆ ที่จะได้ให้เราพิชิตคะแนน IELTS Reading ได้ โดยให้สังเกตจากบริบทรอบ ๆ เช่น การเดาคำศัพท์จากคำที่มีความหมายใกล้เคียง (Definition Clue), การยกตัวอย่าง (Example Clue), คำที่มีความหมายตรงข้าม (Opposite Meaning), การกล่าวซ้ำ (Restatement Clue) หรือการเปรียบเทียบ (Comparison) เป็นต้น

5. ข้ามข้อที่ยังไม่มั่นใจ

ถ้าน้อง ๆ เจอโจทย์ข้อไหนที่ทำไม่ได้จริง ๆ แนะนำว่าถ้าอ่านรอบนึงแล้วหาคำตอบไม่เจอ ให้ทำเครื่องหมายเอาไว้ในคำตอบที่คิดว่าเป็นไปได้ที่สุดก่อน แล้วข้ามไปทำข้ออื่น เผื่อกรณีที่เวลาเหลือค่อยกลับมาทำข้อที่ข้ามไปได้ หรือตัดสินใจเลือกคำตอบไปเลย เพื่อป้องกันเวลาไม่พอ แต่ไม่ควรใช้เวลากับข้อใดข้อหนึ่งมากเกินไป เพราะอาจจะทำไม่ทันและเสียคะแนนได้

6. ฝึกทำข้อสอบและจับเวลา

นอกจากพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษแล้ว น้อง ๆ อย่าลืมฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ และลองจับเวลาเหมือนกับการสอบจริง หรือลองทำ IELTS Mock Test ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะทำให้เรามองเห็นว่าตัวเองใช้เวลาในการทำข้อสอบไปมากน้อยเพียงใด ทำเสร็จภายในเวลาที่กำหนดหรือไม่ หรือมีส่วนไหนที่ทำช้าบ้าง ครั้งต่อไปจะบริหารจัดการกับเวลาเพื่อให้ทำได้ทันเวลาได้

รูปแบบคำถาม IELTS Reading ที่ออกสอบบ่อย

คำถาม IELTS Reading

ในการสอบแต่ละครั้งน้อง ๆ อาจจะเจอคำถามหลากหลายรูปแบบ โดยในวันนี้พี่จะขอนำเสนอ 5 รูปแบบที่จะพบเจอแน่นอน 100% ในพาร์ท Reading ได้แก่

  1. Matching Headings Questions ข้อสอบจะให้จับคู่ระหว่างเนื้อหาในแต่ละ Paragraph ของ Passage กับ Heading ที่โจทย์กำหนดให้ เทคนิคง่าย ๆ คือ ให้น้อง ๆ อ่าน Heading ทั้งหมดที่ข้อสอบให้มาก่อน ทำความเข้าใจ Heading แต่ละอันว่าหมายถึงว่าอะไรบ้าง แล้วนำไปจับคู่กับ Keyword หรือ Main Idea ของ Paragraph นั้น ๆ ได้
  2. Matching Paragraph Information Questions ข้อสอบจะให้จับคู่ระหว่างเนื้อหาในแต่ละ Paragraph กับ Information ที่โจทย์กำหนดให้ อันดับแรกน้อง ๆ จะต้องหา Main Idea ของแต่ละ Paragraph เพื่อให้สามารถเลือก Information ได้ถูกต้องและง่ายขึ้น
  3. Matching Sentence Endings จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับ 2 รูปแบบก่อนหน้า หากแต่เปลี่ยนจาก Heading และ Information ของ Paragraph เป็นการหา Sentence Ending หรือประโยคจบของ Paragraph ที่ต้องตรงตามเนื้อเรื่องที่ข้อสอบให้มา
  4. Multiple Choices ข้อสอบจะให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ให้น้อง ๆ อ่านคำถามก่อนที่จะอ่านเนื้อเรื่อง คำตอบที่ถูกต้องมักเป็นวลีที่ไม่เหมือนในเนื้อเรื่อง แต่ความหมายยังคงไปในทิศทางเดียวกัน และถูกหลักไวยากรณ์ ดังนั้น น้อง ๆ ต้องเตรียมเรื่อง Synonym และฝึก Grammar ให้แม่น ๆ ด้วยนะ
  5. True, False, Not Given ข้อสอบจะให้ตอบว่าสิ่งที่โจทย์ถามนั้น ถูก ผิด หรือไม่มีข้อมูลที่จะบ่งบอกได้ สิ่งที่ควรระวัง คือ ให้อิงจากข้อมูลในเนื้อหาเท่านั้น อย่าใช้ความคิดเห็นส่วนตัวในการเลือกคำตอบเด็ดขาด! และถ้าน้อง ๆ พยายามหาข้อมูลแล้วแต่ไม่พบ คำตอบอาจจะเป็น Not Given ก็เป็นได้ ดังนั้นอย่าจมกับข้อใดข้อหนึ่งนานจนเกินไปนะคะ

ข้อสอบ IELTS Reading เป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่มีความท้าทาย การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นน้อง ๆ อย่าลืมลองนำเทคนิคที่พี่นำมาฝากไปปรับใช้ รับรองว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสอบที่มากขึ้นอย่างแน่นอน

หากน้อง ๆ คนไหนกำลังมองหาคอร์สติวหลักสูตรอินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น GED, IGCSE, IELTS, SAT ที่ The Advisor Academy มีคอร์สเรียนที่น้อง ๆ จะได้เรียนกับครูที่มีประสบการณ์สอนโดยตรง และมีความเชี่ยวชาญในข้อสอบหลักสูตรอินเตอร์โดยเฉพาะ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือไม่เคยเรียนหลักสูตรอเมริกันมาก่อน พี่ ๆ ก็พร้อมปูพื้นฐานและติวเข้มจนน้อง ๆ สอบผ่าน สนใจคอร์สเรียนติดต่อ The Advisor ได้เลยนะคะ

Scroll to Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save