รวมมาให้แล้ว สอบเข้าคณะอินเตอร์ในไทย ใช้คะแนนอะไรยื่นได้บ้าง
การเตรียมตัวสอบเข้าศึกษาต่อคณะอินเตอร์ในไทย ไม่ว่าจะสายศิลปะ, สายภาษา, สายสังคม ฯลฯ ก็ต้องใช้คะแนนสอบยื่นด้วยกันทั้งนั้น แต่เราจะต้องใช้คะแนนอะไรยื่นได้บ้าง ? คะแนน IELTS, CU-TEP และ SAT จำเป็นต้องใช้ไหม ? วันนี้พี่ ๆ ที่ The Advisor ได้รวบรวมคำตอบมาให้น้อง ๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ เลื่อนลงเพื่ออ่านเพิ่มเติมได้เลย
คะแนนสอบที่นิยมใช้ในการยื่นเข้าคณะอินเตอร์ในไทย
คะแนนสอบที่นิยมใช้ในการยื่นเข้าคณะอินเตอร์ในไทย มีดังนี้
1. TOEFL
TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language คือ การสอบวัดผลภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการตามมาตรฐานอเมริกัน โดยจะวัดทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน และการเขียน ซึ่งคะแนน TOEFL นั้นจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี หลังจากการสอบ ซึ่งจุดประสงค์ในการสอบ TOEFL ก็เพื่อเอาคะแนนไปยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยค่ะ
2. IELTS
การสอบ IELTS หรือ International English Language Testing System คือ การทดสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดย IELTS จะเป็นการสอบวัดทักษะการฟัง พูด อ่าน และการเขียนเพื่อใช้ในการสื่อสารสำหรับการทำงาน การศึกษา สำหรับคะแนนสอบ IELTS จะถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ และแบ่งรูปแบบการสอบออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ค่ะ
- การสอบการฟัง (Listening) ใช้เวลาในการสอบ 30 นาที
- การสอบการอ่าน (Reading) ใช้เวลาในการสอบ 60 นาที
- การสอบการเขียน (Writing) ใช้เวลาในการสอบ 60 นาที
- การสอบการพูด (Speaking) ใช้เวลาในการสอบ 11-14 นาที
3. CU-TEP
CU-TEP หรือ CHULALONGKORN UNIVERSITY TEST OF ENGLISH PROFICIENCY คือ การสอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ซึ่งในการสอบ CU-TEP นี้จะเหมาะทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา เพื่อเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ รวมถึงหลักสูตรนานาชาติอื่น ๆ โดยผลการสอบจะมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ ซึ่ง CU-TEP แบ่งประเภทรูปแบบการสอบดังนี้ค่ะ
- CU-TEP คือ การทดสอบเพื่อวัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน และการเขียน มีคะแนนเต็ม 120 คะแนน CU-TEP E-Testing คือ การทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อวัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน และการเขียน มีคะแนนเต็ม 120 คะแนน
- CU-TEP & Speaking คือ การทดสอบเพื่อวัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน การเขียน และเพิ่มการวัดทักษะด้านการพูด มีคะแนนเต็ม 150 คะแนน
- CU-TEP & Speaking (E-Package) คือ การทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อวัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด มีคะแนนเต็ม 150 คะแนน
4. CU-AAT
CU-AAT หรือ CHULALONGKORN UNIVERSITY ACADEMIC APTITUDE TEST คือ การทดสอบน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรนานาชาติ (คณะอินเตอร์) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ โดย CU-AAT จะแบ่งรูปแบบการสอบออกเป็น 2 ส่วน คือ Math Section และ Verbal Section
5. CU-ATS
CU-ATS หรือ CHULALONGKORN UNIVERSITY APTITUDE TEST FOR SCIENCE คือ การทดสอบน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ (คณะอินเตอร์) ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย CU-ATS จะมีการสอบแบบ E-Testing หรือ การจัดสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยวิชาฟิสิกส์ (Physics Section) และ วิชาเคมี (Chemistry Section)
6. CU-TAD
CU-TAD หรือ CHULALONGKORN UNIVERSITY TEST OF APTITUDE IN DESIGN คือ การทดสอบทักษะด้านการออกแบบ สำหรับน้อง ๆ คนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติ (คณะอินเตอร์) ทั้งสาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. TU-GET
TU-GET หรือ Thammasat University General English Test คือ การสอบวัดความรู้และความสามารถทั่วไปด้านการใช้ภาษาอังกฤษ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการใช้คะแนนเพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ (คณะอินเตอร์) และคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และวารสารศาสตร์ เป็นต้น
ปัจจุบัน TU-GET มี 2 รูปแบบ คือ
- TU-GET Paper-based Test (TU-GET PBT) ข้อสอบแบบเลือกตอบ มีทั้งหมด 3 พาร์ท คือ Structure, Vocabulary และ Reading
- TU-GET Computer-based Test (TU-GET CBT) ทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์ ทดสอบทั้ง 4 ทักษะ คือ Reading, Listening, Speaking และ Writing
8. SAT
SAT คือ การทดสอบระดับมาตรฐานที่ใช้สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรนานาชาติของมหาวิทยาลัยในไทยค่ะ ซึ่งการสอบSAT จะแบ่งรูปแบบการสอบเป็น 2 ส่วน กับ 1 ตัวเลือกเพิ่มเติม ได้แก่
- Reading & Writing มี 2 Module Module ละ 27 ข้อ รวมทั้งหมด 54 ข้อ
- Math มี 2 Module Module ละ 22 ข้อ รวมทั้งหมด 44 ข้อ
9. ACT
ACT หรือ American College Testing Assessment คือ การสอบวัดทักษะการใช้เหตุผล วิเคราะห์และการแก้ไขปัญหา รวมถึงทักษะการสื่อสารที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาค่ะ
10. A-LEVEL
A-LEVEL หรือ Advanced Level General Certificate of Secondary Education คือ การทดสอบน้อง ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประเทศอังกฤษ เพื่อจะทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.6 ในไทย โดยจะมีการสอบด้วยกันทั้งหมด 5 กลุ่มวิชา ได้แก่
- กลุ่มวิชาภาษา (Language)
- กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ (Science)
- กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics)
- กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities & Social Science)
- กลุ่มวิชาทักษะวิชาชีพ (Creative, Technical and Vocational)
11. IB Diploma
IB Diploma หรือ International Baccalaureate Program คือ การสอบในหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสูงจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก ซึ่งจุดประสงค์ในการสอบ B Diploma ก็เพื่อใช้ในการยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยจะมีการสอบ 2 ระดับด้วยกัน คือ Standard Level และ Higher Level (HL) ซึ่งเป็นหลักสูตรเทียบเท่ากับการเรียนระดับมัธยมปลายค่ะ
เรียนมหาลัยอินเตอร์ในไทยดียังไง?
การเรียนมหาลัยอินเตอร์ในไทย หรือมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติ มีข้อดีหลายข้อเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
- ได้เรียนในหลักสูตรนานาชาติโดยไม่ต้องไปต่างประเทศ ประหยัดค่าใช้จ่าย
- พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น
- เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทางวัฒนธรรม
- มีโอกาสแลกเปลี่ยน หรือฝึกงานในต่างประเทศ
- เพิ่มโอกาสในการทำงานกับบริษัทข้ามชาติหรือองค์กรระหว่างประเทศ
เรียนอินเตอร์ต่างจากเรียนภาคปกติอย่างไร?
พี่ขอแบ่งความแตกต่างของการเรียนหลักสูตรอินเตอร์ และการเรียนภาคปกติ เป็น 5 ประเด็น ดังนี้
- การสอบเข้า อย่างที่น้อง ๆ เห็นไปข้างต้นว่า หลักสูตรอินเตอร์จะเน้นไปที่ข้อสอบวัดระดับภาษา เช่น IELTS SAT หรือ TOEFL และข้อสอบของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ โดยตรง เช่น CU-TEP CU-AAT หรือ TU-GET ส่วนภาคปกติใช้การสอบเข้าแบบปกติ หรือระบบ TCAS และคะแนนที่ใช้จะมาจากข้อสอบกลางของประเทศไทย เช่น TGAT TPAT หรือ A-Level เป็นต้น
- การเรียนการสอน แน่นอนว่า หลักสูตรอินเตอร์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เน้นการมีส่วนร่วมและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีนักศึกษาต่างชาติร่วมชั้นเรียน ส่วนภาคปกติสอนเป็นภาษาไทยเป็นหลักค่ะ
- ค่าเทอม มหาลัยอินเตอร์ในไทยค่าเทอมสูงกว่าภาคปกติ เนื่องจากบุคลากรและอาจารย์ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
- สังคม หลักสูตรอินเตอร์มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง น้อง ๆ จะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อน ๆ และสร้างคอนเนคชันกับเพื่อนและอาจารย์ได้กว้างกว่าภาคปกติ
- โอกาสในการเรียนต่อต่างประเทศ การมีพื้นฐานด้านภาษาดี จะเพิ่มโอกาสในการไปเรียนต่อ หรือทำงานต่างประเทศได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังตัดปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวเข้าหาเพื่อน ๆ ในต่างประเทศไปได้เลย เพราะน้อง ๆ เคยมีประสบการณ์เรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์กับเพื่อน ๆ ต่างชาติมาแล้ว
เรียนอินเตอร์ ค่าเทอมเท่าไหร่?
มหาลัยอินเตอร์ในไทยค่าเทอมมีตั้งแต่ 50,000 บาทไปจนถึง 500,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาวิชาที่น้อง ๆ เลือกเรียนค่ะ
ไม่เก่งอังกฤษ เรียนอินเตอร์ได้ไหม?
สามารถเรียนได้ แต่ต้องเตรียมตัวและพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างหนัก เพราะการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถ้าน้อง ๆ มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีจะช่วยให้การเรียนราบรื่นมากขึ้นค่ะ
เรียนอินเตอร์ สามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้หรือไม่?
การไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะการเรียนอินเตอร์ ทำให้น้อง ๆ ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และได้ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่มีความหลากหลายทั้งด้านภาษา สำเนียง และวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันเพื่อขอทุนการศึกษานั่นเองค่ะ
อยากเรียนอินเตอร์ต้องเตรียมตัวยังไง?
อันดับแรกน้อง ๆ ต้องดูเกณฑ์การรับสมัครของคณะและมหาวิทยาลัยอินเตอร์ที่สนใจ จะได้รู้ว่าต้องใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง หลังจากนั้นก็ลุยเตรียมตัวสอบ อ่านหนังสือ ท่องศัพท์ ฝึกทำข้อสอบเก่า ๆ ยิ่งน้อง ๆ เริ่มเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาปิดจุดอ่อนตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้นนะคะ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าเตรียมสอบด้วยตัวเองไม่ค่อยตอบโจทย์ อาจจะลงคอร์สติวเพิ่มเติม เพื่อให้คุณครูผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล และแนะนำเทคนิคเด็ด ๆ ในการทำข้อสอบ ช่วยอัปสกิลแบบเห็นผล!
สรุปบทความ
ต้องบอกว่า ปัจจุบันมหาลัยอินเตอร์ในไทยมีให้ทั้งของภาครัฐ และเอกชน รวมถึงมีหลักสูตรให้เลือกมากมาย ถ้าน้อง ๆ มีคณะในใจและมหาลัยในฝันแล้ว อย่าลืมตรวจสอบเกณฑ์การรับสมัครให้ชัวร์ว่า ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวได้ตรงจุดนะคะ
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเรียนต่อต่างประเทศ ในระดับมหาวิทยาลัย The Advisor Academy พร้อมด้วยทีมคุณครูผู้เชี่ยวชาญพร้อมพาน้อง ๆ คว้า High Score และพร้อมที่จะให้คำปรึกษา ช่วยน้อง ๆ วางแผนการเรียน เพื่อให้สามารถไปสู่เป้าหมายได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด สนใจปรึกษาการเรียนต่อมหาวิทยาลัยติดต่อหาพี่ ๆ ได้เลยนะคะ
สรุปบทความ
หากน้อง ๆ กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการ เรียนต่อต่างประเทศ ในระดับมหาวิทยาลัย The Advisor Academy พร้อมด้วยทีมคุณครูผู้เชี่ยวชาญพร้อมพาน้อง ๆ คว้า High Score และพร้อมที่จะให้คำปรึกษา ช่วยน้อง ๆ วางแผนการเรียน เพื่อให้สามารถไปสูเป้าหมายได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด สนใจปรึกษาการเรียนต่อมหาวิทยาลัยติดต่อหาพี่ ๆ ได้เลยนะคะ