สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง?

สวัสดีน้อง ๆ ทุกคนค่ะ ช่วง 2-3 ปีหลัง ๆ มานี้การสอบเทียบ GED กำลังเป็นที่สนใจและเริ่มเป็นที่นิยมกับน้อง ๆ ในประเทศไทยมากขึ้น เพราะเป็นการศึกษาทางเลือกที่ช่วยให้น้อง ๆ สามารถเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้เร็วมากขึ้น รวมถึงยังตอบโจทย์กับน้อง ๆ หลากหลายกลุ่มเลยค่ะ สำหรับน้อง ๆ ที่กดเข้ามาอ่านบล็อกนี้ พี่เชื่อว่าน้อง ๆ อาจจะพอทำความรู้จักกับ GED มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจใช่ไหมเอ่ยว่าตัวเราเหมาะกับการสอบเทียบ GED ไหมนะ จากประสบการณ์การติวสอบ GED ให้น้อง ๆ กว่า 11 ปี พี่ ๆ ได้ติวสอบ ได้ให้คำปรึกษา และได้พูดคุยกับน้อง ๆ หลากหลายกลุ่มมาก ดังนั้น พี่เลยจะมาสรุป และแบ่งปันให้น้อง ๆ ได้อ่านกันค่ะ ว่า การสอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้างนะ ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาหาคำตอบด้านล่างได้เลยค่ะ

1. น้อง ๆ ที่เป็นนักแสดง ศิลปิน และ Influencer

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

เพราะว่าน้อง ๆ ที่เป็นนักแสดง ศิลปิน และ Influencer ตั้งแต่เด็ก ๆ มักประสบกับปัญหาเรื่องตารางเวลางาน และตารางเวลาเรียนที่มักชนกันนั่นเองค่ะ ทำให้น้อง ๆ เหล่านี้ไม่สะดวกเข้าเรียนตามเวลาปกติของโรงเรียนได้ ดังนั้น GED จึงเข้ามาตอบโจทย์น้อง ๆ ที่เป็นดารา นักแสดง ศิลปิน และ Influencer มาก ๆ เพราะสามารถจัดสรรตารางเวลาการติวสอบเองได้ รวมถึงระยะเวลาตั้งแต่การติวสอบไปจนถึงสอบผ่านครบได้วุฒิม.6 ก็เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นอีกด้วย (ประมาณ 2 เดือน)

2. น้อง ๆ ที่เป็นนักกีฬา

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

สำหรับน้อง ๆ นักกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬาทีมชาติจะนิยมลาออกมาสอบ GED ในช่วงมัธยมปลาย เนื่องจากน้อง ๆ นักกีฬาจะมีตารางการซ้อมที่เข้มงวดตลอดปี รวมถึงการต้องออกทัวร์แข่งขันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้น้อง ๆ เหล่านี้ไม่สะดวกเข้าเรียนตามเวลาการเรียนปกติของที่โรงเรียนนั่นเองค่ะ การสอบเทียบ GED จึงตอบโจทย์น้อง ๆ มากเพราะมีอิสระในเรื่องของเวลาการเรียน การติวสอบ ทำให้วางแผนชีวิตได้ง่ายขึ้น

3. น้อง ๆ ที่อยากเรียนต่อต่างประเทศ

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

สำหรับน้อง ๆ หลายคนที่เคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เมื่อจบโครงการแล้วน้อง ๆ มักจะอยากเรียนต่อที่ประเทศนั้น ๆ หรือบางคนที่มีความฝันอยากเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ต่างประเทศ แม้ว่าสถานศึกษาบางแห่งจะสามารถใช้วุฒิม.ปลายของประเทศไทยยื่นเข้าเรียนต่อได้ แต่สิ่งที่จำเป็นในการเรียนต่อนั่นก็คือพื้นฐานทักษะทางภาษาอังกฤษน้อง ๆ หลายคนจึงเลือกที่จะมาสอบ GED เพื่อให้ได้วุฒิที่สามารถใช้เข้าเรียนต่อในต่างประเทศกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และยังได้พัฒนาทักษะทางภาษาและเนื้อหาการเรียนในระดับสากลอีกด้วย

4. น้อง ๆ ที่อยากเรียนต่อคณะอินเตอร์

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

วุฒิ GED สามารถใช้ยื่นเข้าเรียนต่อคณะอินเตอร์ได้เกือบทุกคณะในประเทศไทย เหตุผลที่น้อง ๆ ส่วนใหญ่เลือกที่จะมาสอบเทียบ GED เพื่อการยื่นเข้าเรียนต่อคณะอินเตอร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ก็เป็นเพราะว่าการสอบ GED ใช้เวลาติวสอบเพียงแค่ระยะสั้น ๆ ประมาณ 1 – 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งเมื่อน้อง ๆ สอบผ่านและมีวุฒิม.ปลายแล้ว ก็จะเหลือเวลาไปติวสอบข้อสอบอื่น ๆ อย่าง SAT หรือ IELTS เพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ

5. น้อง ๆ ที่ไม่ชอบระบบโรงเรียน

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

เพราะระบบโรงเรียนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สไตล์ของเรียนของผู้เรียนได้อย่างครบถ้วน อย่าง ระบบการบ้าน ที่บางครั้งหนักไปจนทำให้ผู้เรียนเกิดความเครียดและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการเรียน หรือกฎระเบียบต่าง ๆ ของโรงเรียนที่เข้มงวด น้อง ๆ บางคนจึงเลือกที่จะออกมาสอบเทียบเพื่อเอาวุฒิม.ปลายไปเรียนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย

6. น้อง ๆ ที่อยากจบม.6 เร็วขึ้น

สอบเทียบ GED เหมาะกับใครบ้าง

การสอบ GED ประกอบด้วย 4 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ (Mathematical Reasoning) ภาษาอังกฤษ (Reasoning Through Language Arts) สังคมศึกษา (Social Studies) และวิทยาศาสตร์ (Science) โดยเนื้อหาที่ออกสอบครอบคลุมสาระสำคัญที่นักเรียนม.ปลายควรทราบ โดยเฉพาะวิชาสังคมศึกษาที่เน้นข้อมูลเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาและประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ไม่ได้เรียนในหลักสูตรปกติ ทำให้น้อง ๆ จะได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ผ่านการสอบครั้งนี้ค่ะ

7. น้อง ๆ ที่เรียน Home School

การสอบเทียบ GED เป็นทางเลือกสำหรับน้อง ๆ Home School ที่ต้องการวุฒิการศึกษาหรืออยากจบม.6 เร็วขึ้น เนื่องจากวุฒิ GED เทียบเท่ากับวุฒิมัธยมปลายต่างประเทศ และเป็นวุฒิที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ทั้งมหาวิทยาลัยทั่วโลก และมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ในไทย ถ้าน้อง ๆ สอบเทียบ GED จึงได้เปรียบมากกว่าการมีวุฒิมัธยมปลายจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพียงอย่างเดียว

8. น้อง ๆ ที่มีความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย

การสอบ GED แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การสอบ GED Ready และการสอบ GED นั่นแปลว่า น้อง ๆ จะต้องจ่ายค่าสอบถึง 2 ครั้ง โดยค่าสอบ GED Ready จะอยู่ที่ $6.99 /วิชา ซึ่งน้องจะต้องสอบ 4 วิชา ดังนั้น จะมีค่าสอบ GED Ready ทั้งหมดอยู่ที่ $27.96 หรือประมาณ 990 บาท

ส่วนค่าสอบ GED จะอยู่ที่ $80 /วิชา ซึ่งน้องจะต้องสอบ 4 วิชา ดังนั้น จะมีค่าสอบ GED ทั้งหมดอยู่ที่ $320 หรือประมาณ 11,350 บาทค่ะ ซึ่งถือว่าสูงในระดับหนึ่งเลย ดังนั้นการสอบ GED จึงเหมาะกับน้อง ๆ ที่มีความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายนั่นเองค่ะ

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ โรงเรียนนานาชาติมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เริ่มต้นปีละประมาณ 500,000 – 1,000,000++ ล้านบาท / ปี ดังนั้น น้อง ๆ และผู้ปกครองบางคนที่นอกจากจะต้องการประหยัดเวลาการเรียนในระดับมัธยมปลายแล้ว แต่ก็ยังต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย จึงเลือกออกมาสอบ GED เพราะช่วยประหยัดเงินในส่วนของค่าเทอมไปได้ตั้งแต่หลักแสน – หลักล้านเลยค่ะ

9. น้องๆ ที่มีเป้าหมายของตัวเอง

เพราะการสอบเทียบ GED ใช้เวลาเตรียมสอบเพียงแค่ 1 – 6 เดือนเท่านั้น น้อง ๆ ที่เส้นทางชีวิตของตัวเองชัดเจนแล้วว่าต้องการเรียนต่อคณะอะไร มีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากทำอะไรในชีวิต และไม่ต้องการเรียนม.ปลายในโรงเรียนนานถึง 3 ปี จึงเลือกที่จะออกมาสอบ GED เพราะช่วยให้จบม.6 ได้ไวขึ้น และสามารถเอาเวลาที่เหลือไปโฟกัสที่เป้าหมายของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการสอบ GED

1. สอบ GED ดีจริงไหม?

สอบ GED ดีจริงค่ะ เพราะน้อง ๆ สามารถได้วุฒิม.ปลาย ผ่านการสอบเพียงแค่ 4 วิชาเท่านั้น ซึ่งวุฒิ GED ยังสามารถนำไปยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศได้อีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่า สอบครั้งเดียว คุ้มสุด ๆ 

2. GED สอบได้กี่ครั้ง?

สามารถสอบ GED แต่ละวิชาได้สูงสุด 3 ครั้ง แต่ถ้าครั้งที่ 3 แล้วยังสอบไม่ผ่าน (คะแนนต่ำกว่า 145 คะแนน) ต้องรอ 60 วัน ในการลงสอบรอบถัดไป แต่ถ้าน้อง ๆ สอบผ่านแล้ว แต่ยังไม่พอใจคะแนน สามารถสอบใหม่ได้วิชาละ 1 ครั้งเท่านั้นค่ะ

3. สอบ GED ต้องลาออกไหม?

ไม่จำเป็นต้องลาออกค่ะ น้อง ๆ สามารถเตรียมสอบ GED ไปพร้อม ๆ กับการเรียนได้ตามปกติเลย

4. ควรสอบ GED วิชาไหนก่อน?

ข้อนี้ขึ้นอยู่กับน้อง ๆ เลยค่ะ ถ้าใครถนัดภาษาอาจจะเริ่มด้วย RLA และ Social Studies เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย แล้วเก็บวิชาสายวิทย์คณิตอย่าง Math และ Science ไว้ท้ายสุด แต่ถ้าใครไม่คุ้มเคยกับประวัติศาสตร์อเมริกัน หรือไม่ถนัดภาษาเท่าไร อาจจะเปิดด้วย Math และ Science แล้วค่อยสอบ RLA และ Social Studies ก็ได้เหมือนกันค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับข้อมูลที่พี่นำมาแบ่งปันให้น้อง ๆ ได้อ่านในวันนี้ หากน้องเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากสอบ GED แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง สามารถเข้ามาปรึกษาพี่ ๆ The Advisor ได้เลยนะคะ พี่ ๆ พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนการเรียน ติวสอบให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก รวมถึงยังมีบริการวางแผนการเรียนต่อให้น้อง ๆ ฟรีอีกด้วยนะ 

ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับการสอบ GED ให้น้อง ๆ ได้อ่าน สามารถรอติดตามอ่านเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์แบบนี้ได้อีกในบล็อกหน้านะคะ